รับมวลน้ำไม่ไหว พนังกั้น “ลำน้ำยัง” แตกเพิ่มอีก 2 จุด ร้อยเอ็ด อ่วม



“ร้อยเอ็ด” พนังกั้นน้ำ ลำน้ำยัง รับมวลน้ำไม่ไหว แตกเพิ่มอีก 2 จุด รวมเป็น 5 จุด จากมวลน้ำเหนือจากเขื่อนลำปาว ส่งผลให้กระแสน้ำทะลักเข้าสู่หมู่บ้านที่อยู่ท้ายน้ำ และนาข้าวจำนวนมาก

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 31 ส.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์พื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด โดยสถานการณ์น้ำในลำน้ำยัง คันพนังรับน้ำเป็นพนังดิน ถนนทางหลวงชนบท สามารถใช้สัญจรได้ที่ บ้านท่าเยี่ยม ม.5 บ้านท่าโพธิ์ ม.6 และบ้านท่าทางเกวียน ม.7 ต.วังหลวง อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ขณะนี้ พนังกั้นน้ำระหว่างบ้านท่าเยี่ยมกับบ้านท่าโพธิ์ ที่ ห่างกันประมาณ 2 กิโลเมตร ได้เกิดพังขาดชำรุด จำนวน 2 จุด จุดที่ 1 ระยะกว้างประมาณ 20 เมตร จุดที่ 2 ห่างจากจุดที่ 1 ประมาณ 15 เมตร พนังขาดชำรุดกว้างประมาณ 7 เมตร และจุดที่ระหว่างบ้านท่าเยี่ยมกับบ้านทางเกวียนพนัง ได้ขาดทะลุเพิ่มอีก 3 จุด รวมทั้งสิ้นเป็น 5 จุด

ซึ่งจุดที่พนังขาดชำรุดใหญ่ที่สุดระหว่างบ้านท่าเยี่ยม กับ บ้านท่าทางเกวียน นั้น กว้างประมาณ 50 เมตร ทำให้มวลน้ำไหลทะลักอย่างรวดเร็ว และกำลังไหลเชี่ยวเข้าสู่บ้านเรือนราษฎร หลายหมู่บ้าน และพื้นที่นาข้าวในพื้นที่ตำบลวังหลวง และตำบลใกล้เคียง

ขณะนี้มวลน้ำได้ไหลเข้าสู่บ้านเรือนราษฎร เพิ่มปริมาณสูงขึ้นอยู่ที่ระดับประมาณ 30-50 เซนติเมตร ซึ่งคาดว่าจะสูงขึ้นกว่านี้ เนื่องจากน้ำเหนือยังคงหนุนมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งชาวบ้าน เกษตรกร ได้ขนเครื่องใช้ เครื่องเรือนต่างๆ ไว้บนชั้นที่ 2 เนื่องจากชาวอีสานนิยมทำบ้านสองชั้น และบ้านใต้ถุนสูง เพื่อหนีน้ำ ในส่วนของสัตว์เลี้ยง วัว ควาย ก็ได้นำมาเลี้ยงบนคันพนังกั้นน้ำที่ยังคงมีความมั่นคงและปลอดภัย พร้อมทั้งประกอบอาหารกินกันเป็นหมู่คณะบนคันพนัง ด้วยความสามัคคีของชุมชน อีกด้วย



นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมด้วย นายเลิศบุศย์ กองทอง, นายดำรงค์ สิริวิชย อิ่มวิเศษ, นายทวี จงประเสริฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด นายอภัย วุฒิโสภากร นายอำเภอเสลภูมิ พันเอกภาณุพงษ์ พุทธาศรี รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดร้อยเอ็ด และนายเกรียงไกร จิตธรรม หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธรณภัยจังหวัดร้อยเอ็ด อยู่ในพื้นที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อให้การช่วยเหลือราษฎร ที่ประสบอุทกภัย และระดมทุกภาคส่วนเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้น และหาทางช่วยเหลือราษฎร ในครั้งนี้ โดยเร่งด่วน.

Cr: www.thairath.co.th

0 comments:

Post a Comment