ต้องบอกก่อนเ ล ยว่าเป็นข่าวต่างประเทศ ไม่ใช่แ ค่ประเทศไทยเท่านั้น ที่ได้รับผลกระทับครั้งนี้ ล่าสุด ฟิลิปปินส์ ก็ไม่รอด Honda Motor ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ชื่อคุ้นหู ได้ออกมาประกาศปิดโรงง า นผลิตรถยนต์ในเดือนมีนาคม ข่าวนี้ถือเป็นการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นท่ามกลางการปรับโครงสร้างทั่วโลกของผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่น
ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 3 ของญี่ปุ่นชี้แจงว่า หลังจากได้มีการพิจารณาการจัดสรรและการกระจายทรัพย ากรอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพดี ราคาสมเหตุสมผลแก่ลูกค้าชาวฟิลิปปินส์ เมื่อดูปัจจัยแวดล้อมต่าง จึงตั ดสินใจปิดโรงง า นแห่งนี้ลง
เชื่อว่า สาเหตุหลักที่ต้องปิดโรงง า น เพราะไม่คุ้มที่จะเปิดต่อไป โดยในปี 2019 โรงง า นแห่งนี้ผลิตรถยนต์เพียง 7000 คัน ซึ่งน้อยกว่ากำลังผลิต 30000 คัน อีกทั้ง Honda ยังประสบปัญหากำลังซื้อชะลอตัว หลังจากรัฐบาลเพิ่มภาษีในปี 2018 ในปีที่แล้ว Honda มียอดขายเพียง 20338 คัน ลดลงถึง 12จุด7เปอร์เซ็น
Honda Cars Philippines Inc เป็นบริษัทที่ดูแลโรงง า นที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของกรุงมะนิลา ก่อตั้งในปี 1992 ส่วนใหญ่ผลิตรถยนต์รุ่น BR V และ City โดยเป็นการร่วมทุนระหว่าง Honda Motor ถือหุ้น 74จุด2เปอร์เซ็น AC Industrial Technology Holdings ถือหุ้น 12จุด9เปอเซ็น และ Rizal Commercial Banking อีก 12จุด9เปอร์เซ็น
Loading...
ปัจจุบันโรงง า นแห่งนี้มีพนักง า นทั้งสิ้น 650 คน แต่ในแถลงการณ์ไม่ได้ระบุว่าพนักง า นกลุ่มนี้จะเป็นอย่างไรหลังจากปิดโรงง า น CNN รายง า นโดยอ้างอิง Labor group Defend Jobs Philippines ระบุว่า จะมีพนักง า นที่ถูกปลด 387 คน
นอกจากนี้พนักง า นในอีก 60 บริษัท ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ เ สี่ ย งได้รับผลกระทบด้วย แม้โรงง า นผลิตรถยนต์จะปิดตัวไป แต่ง า นขายและบริการหลังการขายจะยังอยู่ โดย Honda ระบุว่า จะใช้ประโยชน์จากเครือข่ายภูมิภาคในเอเชียและโอเชียเนีย ซึ่งจะนำเข้ารถยนต์เข้ามาทำตลาดแทน อย่างเช่นในปี 2012 ได้ยุติการผลิตรถรุ่น City และนำเข้าจากไทยแทน
ปัจจุบันในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Honda มีศูนย์การผลิตหลักอยู่ที่ไทยและอินโดนีเซีย จริง แล้วไม่ใช่แ ค่ที่ฟิลิปปินส์เท่านั้น ในปีที่ผ่านมา Honda ได้ประกาศหยุดการผลิตรถยนต์ในสหราชอาณาจักร ตุรกี และอาร์เจ นตินา เช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการจัดสรรกำลังการผลิต หลังกำลังซื้อทั่วโลกอยู่ในภาวะชะลอตัว
Honda ฟิลิปปินส์ เตรียมปิดโรงงาน พนักงาน 650 คน ยังไม่รู้ชะตากรรม
0 comments:
Post a Comment